วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อี้หวินซุปเปอร์มะม่วงพันธุ์ใหม่ที่น่าปลูก

        เมื่อครั้งผู้เขียนเดินทางกลับจากไต้หวันหลังสำเร็จการศึกษาเมื่อต้นปี 2555 มีเพื่อนๆพี่ๆหลายท่านถามผู้เขียนถึงมะม่วงพันธุ์หนึ่งที่กำลังเป็นที่สนใจของชาวสวนมะม่วงในเมืองไทย เพื่อนถามว่า ”รู้จักมะม่วงหยู่เหวินไหม” งงกิมกี่เลยครับท่าน ไม่น่าเชื่อว่าระหว่างการศึกษาในไต้หวันไปทัศนศึกษาชมสวนมะม่วงมาหลายที่กลับไม่เคยได้ยินชื่อนี้ เมื่อถามเพื่อนว่าผลมีลักษณะอย่างไรปรากฏว่ามันคล้ายกับมะม่วงพันธุ์หนึ่งที่ผลใหญ่มากคือพันธุ์อี้เหวิน เพื่อความถูกต้องทำให้ผู้เขียนต้องเข้าไปค้นข้อมูลภาษาจีนของมะม่วงพันธุ์นี้ แล้วก้อถึงบางอ้อ มะม่วงพันธุ์นี้คือหยู่เหวินจริงๆ แต่คนไต้หวันส่วนใหญ่แม้แต่เพื่อนไต้หวันที่เรียนด้วยกันเรียกว่าอี้เหวิน (Yiwen) สาเหตุคงต้องไปถามเพื่อนอีกที
                                                                       มะม่วงอี้เหวินหรือหยู่เหวิน
         ถ้าเราพูดถึงมะม่วงเขาจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มอินเดีย (indian type) กลุ่มนี้ผิวผลมีสีสันสวยงามสีเข้ม ส่วนใหญ่เป็นสีแดงหรือม่วง ผลมักกลม มีกลิ่นขี้ไต้ เมื่องอกจะให้ต้นกล้าต้นเดียว(monoembryony)  ส่วนกลุ่มถัดมาคือกลุ่มอินโดจีน(Indochinese type) เป็นมะม่วงที่ปลูกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สีผลมักเป็นสีเหลือง ผลส่วนใหญ่ยาวรี ไม่มีกลิ่นขี้ไต้ เมล็ดงอกให้ต้นกล้ามากกว่าหนึ่งต้น (polyembryony)  ในปัจจุบันตลาดต่างประเทศนิยมบริโภคมะม่วงที่มีสีสันสดใสเช่นสีม่วงแดง เนื่องจากมีสารต้านมะเร็งสูง ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพ แนวโน้มการพัฒนามะม่วงของไทยอาจต้องปรับเปลี่ยนปรับปรุงพันธุ์เพื่อสร้างพันธ์ใหม่โดยนำพันธุ์การค้าคือน้ำดอกไม้ของเราไปผสมกับพันธุ์ต่างประเทศ จากสาเหตุนี้จึงมีเกษตรกรชาวไทยนำพันธุ์มะม่วงจากต่างประเทศเข้ามาทดสอบปลูกอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ฮือฮาในขณะนี้คือ หยู่เหวิน (Yuwen, 玉文) หยู่แปลว่าหยก มะม่วงพันธุ์นี้มีประวัติความเป็นมาคือเป็นพันธุ์ลูกผสมที่ดำเนินการผสมพันธุ์ในปี 1995 โดยนายกั๋วเหวินจง (Guo Wen Zhong) ที่ตำบล Tamai เมืองไถหนาน (Tainan) ประเทศไต้หวัน โดยใช้พันธุ์จินหวง (Jinhuang, นวลคำ) ซึ่งมีลักษณะผลใหญ่ยาวรี มีเนื้อมาก เปลือกสีเหลืองทอง แต่มีข้อเสียคือเมื่อสุกเนื้อด้านในที่ติดเมล็ดมักนิ่มเละ เนื่องจากการสุกของผลจะสุกจากด้านในก่อน ด้วยลักษณะที่ผลใหญ่มาก กว่าจะสุกทั่วผลเนื้อด้านในก้อเละไปเสียก่อน พันธุ์นี้โครงการหลวงนำเข้ามาปลูกและเปลี่ยนชื่อพันธุ์เป็นนวลคำ ส่วนต้นพ่อที่ใช้ในการผสมพันธุ์คือพันธุ์อ้ายเหวิน (Aiwen) หรือพันธุ์ Irwin นั่นเอง เป็นพันธุ์การค้าหลักของไต้หวันที่ส่งออกไปญี่ปุ่น มีลักษณะผลค่อนข้างกลม สีม่วงแดง รสชาติหวานหอมอร่อยมาก แต่มีข้อเสียคืออ่อนแอต่อโรค
แอนแทรคโนส
                                                              ลักษณะทรงต้นและช่อดอกของหยู่เหวิน
        เมื่อผสมพันธุ์ออกมาก้อได้ต้นกล้ามาหลายเบอร์ แต่ต้นที่ทดสอบแล้วมีลักษณะดีเด่นคือ หยู่เหวินเบอร์ 6 (Yuwen No.6) มีช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตในไต้หวันในช่วงต้นเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม  ลักษณะใบใหญ่ยาวรี เขียวเข้ม ช่อดอกยาวใหญ่สีม่วงแดง แต่ติดผลต่ำ ประมาณ 1-2 ผลต่อช่อ ผลแก่ที่ยังไม่สุกรสมันจืด ผลโตยาวรีใหญ่กว่าพันธุ์เออร์วินประมาณสองเท่า น้ำหนักผลประมาณ 659- 1,000 กรัม น้ำหนักเมล็ดประมาณ 49 กรัม(6% ของน้ำหนักผล) ปริมาณเนื้อมากเมล็ดค่อนข้างลีบ ค่าดัชนีความหวาน(TSS) 17-19% ปริมาณกรดต่ำมากเท่ากับ 0.16% อัตราส่วนของน้ำตาลต่อกรดเท่ากับ 94 มีกลิ่นหอมรสชาติดีมาก(หวาน) เนื้อเหนียวไม่เละ ไม่มีอาการเนื้อด้านในเละเมื่อสุก ทนทานต่อโรคแอนแทรคโนสดีกว่าพันธุ์เออร์วิน  มะม่วงพันธุ์นี้เมื่อนำมาแปรรูปแช่น้ำผึ้งอบแห้งมีรสชาติอร่อยมาก เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชือของเมืองไถหนานทีเดียว เมื่อกล่าวโดยสรุปมะม่วงพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีลักษณะดีเด่นน่าสนใจทดลองปลูก หรือนำมาเป็นต้นพ่อแม่พันธุ์ในการผสมข้ามกับมะม่วงของไทยเพื่อสร้างพันธุ์ใหม่เพื่อการส่งอกของไทยในอนาคต

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ฝรั่งผลไม้ราคาถูกแต่เปี่ยมด้วยคุณค่า

ในบรรดาผลไม้ที่ขายในท้องตลาด ฝรั่งเป็นผลไม้ที่อาจกล่าวได้ว่าราคาถัวเฉลี่ยถูกที่สุดเมื่อเปรียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ฝรั่งมีทะยอยออกสู่ตลาดได้ตลอดปี แต่ในการมีราคาถูกฝรั่งกลับไม่ได้ด้อยคุณค่าตามไปด้วย ตรงกันข้ามฝรั่งเป็นผลไม้สุขภาพสำหรับชาวบ้านและผู้มีรายได้น้อยที่สามารถหาซื้อมาบริโภคได้ไม่ยาก หรือปลูกไว้บริโภคเองก้อทำได้ง่ายเพราะฝรั่งปลูกง่าย เป็นไม้ผลพุ่มเล็ก ปลูกด้วยกิ่งตอนก้อสามารถให้ผลผลิตได้ภายในหนึ่งปี  พูดถึงคุณค่าฝรั่งทีไรผู้เขียนก้อไม่เคยลืมเลย เพราะในช่วงที่เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศไต้หวันระหว่างเรียนเครียดมากท้องผูกถ่ายไม่ออก ทำให้เกิดผลกระทบตามมามากมาย เพราะเมื่อถ่ายไม่ออก การกำจัดสารพิษของเสียถูกขัดขวางมันก็เลยย้อนกลับตัวเราเอง จึงเจ็บป่วยเป็นไข้เป็นหวัด เจ็บออดๆ แอดๆ  ก้อเลยพยายามหาทางแก้ทุกวิถีทาง  เพราะทราบมาว่าอาการท้องผูกมันจะนำไปสู่การเกิดริดสีดวงทวาร เลือดออกในลำไส้ และเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ตามมาได้  ได้ทดลองทานทั้งผักผลไม้ต่างๆ เช่นมะละกอ กระเจี๊ยบที่เขาว่าดี แต่ก้อไม่หาย สุดท้ายมาขจัดอาการดังกล่าวได้ด้วยฝรั่ง  คงจะบังเอิญเสียมากกว่า เพราะในไต้หวันผักและผลไม้แพงมาก แต่ก้อมีเจ้าฝรั่งนี่แหละมันถูกที่สุด ก้อเลยเลือกซื้อผลฝรั่งตกเกรดที่มันใกล้สุกมาทาน แต่เหลือเชื่อเลยอาการท้องผูกหายไปเลย ระบบขับถ่ายกลับมาเดินเรียบ  สาเหตุที่ช่วยเเก้เรื่องอาการท้องผูกได้เนื่องจากฝรั่งมีสารเพคตินเป็นองค์ประกอบในผลมาก โดยเฉพาะระยะใกล้สุกสารประกอบเพคตินจะอยู่ในรูปที่ละลายน้ำได้มากขึ้น นอกจากนี้ฝรั่งมีปริมาณไฟเบอร์ที่บริโภคได้สูงมากคือในเนื้อผล 100 กรัม มี dietary fiber เท่ากับ 5.4 g จึงมีผลช่วยขจัดอาการท้องผูก  แต่ก้อมีผู้บริโภคหลายท่านมักจะเถียงกลับทันทีเวลาที่ผู้เขียนแนะนำให้ทานฝรั่ง เขาบอกว่าทานทีไรท้องผูกทุกที ผมเลยถามกลับว่าทานฝรั่งขณะที่ผลห่ามๆเหมือนค่อนข้างจะดิบใช่ไหม เขาตอบว่าใช่ นี่ละหัวใจเลย ฝรั่งถ้าใกล้ดิบหรือห่ามๆจะมีแทนนินมาก(ตัวทำให้ฝาด)จะมีคุณสมบัติในการลดอาการท้องร่วงมันก้อเลยทำให้ท้องผูกหนักเข้าไปใหญ่   ถ้าจะทานเพื่อแก้ท้องผูกต้องทานแบบใกล้สุกหรือผลสุก(อาจจะไม่อร่อยสำหรับบางคน) เพราะแทนนินจะละลายน้ำแฃะมีปริมาณลดลงเมื่อผลสุก 
                                              ภาพแสดงฝรั่งพันธุ์เจินจูสุดยอดฝรั่งของไต้หวัน

นอกจากประโยชน์ในการแก้อาการท้องผูก ฝรั้งยังจัดเป็นผลไม้ต้านมะเร็งเพราะสารต้านอนุมูลอิสระคือวิตามินซีและวิตามินเอสูงมากคือ ในเนื้อผลฝรั่ง 100 กรัม จะมีวิตามินซี(ascorbic acid) มากถึง 228 mg มากกว่าในส้มถึงสี่เท่า และมีวิตามินเอเท่ากับ 624 IU ทราบกันอย่างนี้แล้วรีบหาฝรั่งมาทานกันเลย ทานทุกวันได้ยิ่งดี เพราะฝรั่งเป็นผลไม้พวกธาตุเย็นไม่ร้อนเหมือนทุเรียน จึงทานได้ทุกวัน